วันจันทร์, 13 ตุลาคม 2568

หน้าที่ของการทำให้ธุรกิจอาหารทะเลและการประมงที่ยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน

ผ่านมาสิบปีแล้วนะที่ Tokyo Sustainable Seafood Summit หรือ TSSS ได้รับการก่อตั้งขึ้น โดยคุณวากาโอะ ฮานาโอกะ (Mr. Wakao Hanaoka) ซีอีโอแห่ง Seafood Legacy บริษัทให้คำที่ปรึกษาเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอาหารทะเลและการประมงเพื่อความยั่งยืนของท้องทะเลและเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม

คุณฮานาโอกะคือหัวหอกสำคัญของแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการทำให้ธุรกิจอาหารทะเลและการประมงในญี่ปุ่นและในระดับสากลยั่งยืนและ “เขียว” มากขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการจัดการประชุมทุก ๆ ปีนับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา ล่าสุดในปีนี้คุณฮานาโอกะก็ได้ให้สัมภาษณ์ลงเว็บไซต์หลักของ TSSS โดยเขาได้แชร์มุมมองนับย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกของ TSSS อีกทั้งยังมองไปสู่อนาคตในปี 2030 ที่เขาตั้งใจว่าจะทำให้ “หน้าที่ของการทำให้ธุรกิจอาหารทะเลและการประมงที่ยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน” ให้จงได้

คุณวากาโอะ ฮานาโอกะ (Mr. Wakao Hanaoka) คือใครกันนะ?
คุณฮานาโอกะ ย้ายจากญี่ปุ่นไปสหรัฐอเมริกาในช่วงวัยรุ่น เพื่อศึกษาด้านวิศวกรรมมหาสมุทรและวิทยาศาสตร์ทางทะเล (Ocean Engineering and Marine Sciences) เขาเริ่มต้นสนใจหัวข้อ อาหารทะเลที่ยั่งยืน (Sustainable seafood) เมื่อครั้งไปเยือนหมู่เกาะมัลดีฟส์และมาเลเซีย และได้เริ่มจริงจังกับหัวข้อดังกล่าวเมื่อกลับมาจัด Sustainable Seafood Project ที่งาน Greenpeace Japan และปี 2015 ก็ได้ก่อตั้ง Seafood Legacy บริษัทของตนเองขึ้นมาในกรุงโตเกียว โดยมีภารกิจที่จะอนุรักษ์อาหารทะเลและการประมงที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อให้เกิดเป็นข้อพิสูจน์ถึงความเชื่อมโยงที่สำคัญของระบบนิเวศทางทะเล เศรษฐกิจ และสังคม เขาเชิญชวนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงประมงและอาหารทะเลเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความรับผิดชอบ จนกลายเป็นดาวเด่นในการเรียกร้องให้ทุกคนแสดงความรักต่อวงการและห่วงโซ่อาหารทะเลอย่างจริงจัง จนทำให้เขาได้รับรางวัล SeaWeb’s Seafood Champion Award Leadership Category ในปี 2019 โดยรางวัลดังกล่าวมอบเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำด้านความยั่งยืนของอาหารทะเลที่เป็นแบบอย่างด้านความคิดสร้างสรรค์และความมุ่งมั่นของผู้นำด้านอาหารทะเลทั่วโลก

TSSS มีที่มาที่ไปอย่างไร?
คุณฮานาโอกะกล่าวว่า “สิบปีก่อน เรื่องนี้ยังไม่มีใครหยิบมาทำเลยครับ แต่อย่างที่ทราบ ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าอาหารทะเลคืออาหารประจำชาติเลยก็ว่าได้ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผลิตอาหารทะเลมากอันดับต้นๆ ฉะนั้นญี่ปุ่นแทบจะปฏิเสธปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย”

สิ่งที่คุณฮานาโอกะตระหนักเห็นตั้งแต่สิบปีที่แล้วก็คือ สิ่งที่สากลตั้งคำถาม ประเทศญี่ปุ่นไม่ควรหันหลัง ในขณะเดียวกันคุณฮานาโอกะทราบดีว่าบุคลากรในอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นเองก็รับรู้ และตระหนักถึงปัญหาและสถานการณ์เป็นอย่างดี รวมถึงทราบดีเสียด้วยว่าควรจะลงมือทำอะไร 

“แน่นอนว่าการสื่อสารกับผู้ “อาวุโส” ในวงการมีความท้าทาย การบอกว่า “ไม่” เป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมากสำหรับวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ฉะนั้นการดำเนินงานของ TSSS มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะค่อยๆ หาทางพูดคุยกันและเริ่มสร้างรูปแบบการทำงานเพื่ออนาคตที่สดใสและยั่งยืนอย่างแท้จริง”

อะไรเกิดขึ้นแล้วบ้างในญี่ปุ่น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา?
เป็นปรากฎการณ์ที่ยกระดับการพัฒนาความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคมในแวดวงอาหารทะเลที่แท้จริง มีการตั้งกฎหมายประมงญี่ปุ่น (Japan’s Fishery Act) ในปี 2018 ครั้งแรกในรอบ 70 ปีก็ว่าได้ตั้งแต่หลังสงครามโลก เพื่อบริหารจัดการทรัพยากร โดยจัดทําระบบบริหารจัดการทรัพยากรประมงบนแนวทางวิทยาศาสตร์และให้เป็นไปตามกรอบการดําเนินงานสากล เพื่อพัฒนาการเพาะเลี้ยงและประมงชายฝั่ง โดยการทบทวนระบบใช้ประโยชน์พื้นที่ชายฝั่งและการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์นํ้า และเพื่อแปรรูปและจําหน่ายสินค้าประมง โดยการสร้างระบบการตลาดที่มีการแข่งขันด้านคุณภาพและราคาและคํานึงถึงการส่งออก 

ต่อมาในปี 2020 ก็มี กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการจำหน่ายและการนำเข้าสัตว์น้ำและพืชเฉพาะภายในประเทศอย่างเหมาะสม (Act on Ensuring the Proper Domestic Distribution and Importation of Specific Aquatic Animals and Plants) แน่นอนว่าประเทศญี่ปุ่นมีการส่งออกอาหารทะเลจำนวนมาก ญี่ปุ่นเริ่มเข้มงวดเรื่องการห้ามส่งออกอาหารทะเลที่จับมาอย่างผิดกฎหมาย ไม่มีการรายงาน หรือไม่มีการควบคุม รวมถึงห้ามส่งออกสินค้าที่เกี่ยวพันกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ให้เข้ามาในประเทศ กฎหมายหลักๆ สองตัวนี้ถือเป็นการจัดระเบียบครั้งใหญ่ของวงการอาหารทะเลญี่ปุ่นในรอบทศวรรษล่าสุด

องค์กรอิสระภาคเอกชนมีส่วนมากน้อยแค่ไหน?
ภาคเอกชนของญี่ปุ่นให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก เพราะมีบริษัทจำนวนมากในห่วงโซ่อุปทาน เช่น ร้านค้าปลีก เป็นต้น โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แวดวงการเงินเพื่อการลงทุนและให้เงินกู้ก็มีการกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดและช่วยส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ต่อสังคม และต่อการดำเนินงาน ทำให้ผู้เล่นในหมวดหมู่ธุรกิจอาหารทะเลต้องอยู่ในครรลองที่ดี 

ในแง่ของการประมงในประเทศ ผู้ผลิตใส่ใจในการขอหนังสือรับรองเพื่อพิสูจน์จรรยาบรรณและหลักเกณฑ์ที่ดีของการประมงและการเพาะเลี้ยวสัตว์น้ำ ที่เห็นได้ชัดคือเหล่าคนรุ่นใหม่ เริ่มออกมาเป็นกระบอกเสียงให้ท้องทะเลและความถูกต้องกันมากขึ้น ขัดแย้งกับแต่ก่อนที่เคยเป็นมา อีกทั้งไม่ใช่แค่ผู้ผลิต หรือชาวประมง พ่อค้า แต่รวมถึงเหล่า Top chef ที่มีชื่อเสียงก็ใช้พื้นที่ของตัวเองสนับสนุนความยั่งยืนและความรับผิดชอบของต่อสังคม ทุกๆ ฝ่ายเลยค่อยๆ หันหน้าเข้าหากัน

อะไรคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญในประเทศญี่ปุ่น? 
คุณฮานาโอกะ กล่าวว่า “ที่แน่ๆ คือทุกคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมการประมงและอาหารทะเลหันหน้าคุยกันอย่างเต็มที่แบบสบายอกสบายใจ ผมว่านี่คือจุดเปลี่ยนที่ชัดเจนที่สุดและสำคัญที่สุด อย่างที่บอกว่าอะไรที่ฝังตัวมานาน อย่างนิสัยหรือวัฒนธรรม การจะเปลี่ยนแปลงเป็นความท้าทาย และภาครัฐคงอยากให้เกิดความสามัคคีปรองดองของทุกคน ในญี่ปุ่น กลุ่มบริษัททำงานกันแบบ “Sardine ball” เคยได้ยินไหมครับ เราทำงานกันเป็นกลุ่มก้อน ใครที่กล้าลุกขึ้นปฏิวัติเปรียบเหมือนตะปูที่จะถูกตอกให้นั่งลง อย่างที่บอกว่าเราอยากให้เกิดความปรองดองในสังคม ไม่มีใครอยากลุกขึ้นมาเป็นผู้นำที่แปลกแยก แต่ก็ไม่มีใครอยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เราอยากจะไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างปรองดอง การสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับคนหมู่มากจึงละเอียดอ่อนและต้องใช้เวลา เมื่อเราขับเคลื่อนกันอย่างเป็นกลุ่มก้อน สังคมก็เริ่มจะสังเกตและทุกคนก็ค่อยๆรับฟังและเปลี่ยนแปลงในเวลาไม่นาน ประเทศญี่ปุ่นเป็นแบบนี้”

ความท้าทายมีบ้างไหมในการจัดการประชุมที่ผ่านมา?
“สิ่งที่ยากคือการคิดให้ออกว่างานแต่ละปีมีวัตถุประสงค์จะพูดเรื่องอะไร เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในญี่ปุ่นและในโลกนี้ เราต้องวางแผนในสอดคล้องกับอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นเสมอทั้งในญี่ปุ่นเองและในระดับสากล ยกตัวอย่างนะครับ ผู้ประกอบรายเล็กๆ บางรายคิดว่าเขาไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตนเองเพราะขนาดของเขาเล็กเกินไป เราต้องหาทางสร้างบทสนทนาที่มีความสัมพันธ์ทั้งในระดับภายในประเทศและระดับสากล เมื่อตอนปี 2015 ผมจำได้ว่าเรามีผู้ประกอบการเพียงรายเดียวเท่านั้นที่เต็มใจขึ้นพูดบนเวที นั่นเป็นเพราะคนอื่นๆ รู้สึกว่าพวกเขาเป็นเพียงเสียงเล็กๆ จึงยังไม่สบายใจที่จะพูดในเวทีที่ใหญ่เกินตัวพวกเขา แต่ตอนนี้ในทุกๆ ปี เราพบว่ากว่าครึ่งหนึ่งของ Speaker ที่มั่นใจขึ้นเวทีมาพูดคือเหล่าผู้ประกอบการญี่ปุ่น เราไม่ต้องติดต่อบริษัทใหญ่ๆ หรือบริษัทจากต่างประเทศอีกต่อไป แต่คนในประเทศนี่ละ ขอลุกขึ้นมาพูดในสิ่งที่เขารู้สึกว่าต้องพูดและแบ่งปัน นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่ผมดีใจมาก ตอนนี้ความท้าทายคือเราจะเลือกใครขึ้นมาพูดในแต่ละปี เพื่อให้บทสนทนาต่อเนื่องไปข้างหน้าและเรายังคงเดินไปข้างด้วยกันได้แบบ Sardine ball” คุณฮานาโอกะกล่าว

ประเทศหรือภูมิภาคไหนมีส่วนทำให้กิจกรรมนี้เกิดประโยชน์บ้าง? 
ถ้ามองในเรื่องของการสร้างความยั่งยืนของสภาพแวดล้อมและการแสดงความรับผิดชอบของสังคมในระดับสากล ตลาดยุโรปกับอเมริกาเป็นสองส่วนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงได้ดีมาก ญี่ปุ่นเองเป็นตลาดอาหารทะเลที่ใหญ่เป็นอันดับสาม ญี่ปุ่นอยากจะยกระดับตลาดอาหารทะเลของตนให้ได้มาตรฐานเทียบเท่ายุโรปและอเมริกา โดยประเทศญี่ปุ่นพร้อมให้ความร่วมมือเพื่อที่สร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมอาหารทะเลและการประมงระดับสากล

ก้าวต่อไปคือ Make sustainable seafood mainstream by 2030!
“ใช่แล้วครับ” คุณฮานาโอกะกล่าว “จากสิ่งที่เราทำ ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดคือสินค้าอาหารทะเลและการประมงของเราคึกคักและขยายตัวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในประเทศญี่ปุ่น แต่กระนั้นเองผู้บริโภคเองยังต้องการความช่วยเหลือ พวกเขายังต้องเลือกว่าจะไปซื้อของที่ไหน หรือไปกินอาหารที่ไหน ถ้าพวกเขาต้องการจะตอบโจทย์ “อาหารทะเลที่ยั่งยืน” ให้สอดคล้องกับพันธกิจของเรา ผมอยากแก้โจทย์นี้อย่างมากครับ ผมอยากให้ผู้บริโภคไม่ต้องปวดหัวกับคำถามที่ว่าสินค้าไหนจะช่วยอนุรักษ์ท้องทะเลและแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เมื่อไรก็ตามที่เขาไปตลาดหรือไปกินข้าวนอกบ้าน สินค้าทั้งหมดจะต้องตอบโจทย์ความยั่งยืน ในญี่ปุ่นอาหารทะเลแบ่งออกเป็นสินค้านำเข้าและสินค้าจากทะเลญี่ปุ่นแบบครึ่งต่อครึ่ง ถ้าเราสามารถทำให้อาหารทะเลจากญี่ปุ่นยั่งยืนได้ทั้งหมดเราจะสามารถสร้างอิทธิพลที่ดีเยี่ยมต่อสินค้านำเข้าได้แน่นอนและรวมไปถึงสินค้าที่อื่นๆในโลกใบนี้ไม่มากก็น้อย”

กลยุทธ์ที่จะทำความฝันเป็นจริงคืออะไร?
“ระบบการดำเนินธุรกิจอาหารทะเลของญี่ปุ่นทั้งระบบจะต้องได้รับการชำระเสียใหม่ ญี่ปุ่นจะทำให้เห็นครับว่าถ้าเราทำได้ ใครก็ทำได้ เมื่อแต่ละภาคส่วนเข้าใจและให้ความร่วมมือเดินหน้าไปด้วยกัน เราจะค่อยๆ ปรับปรุงและพัฒนานโยบายและการทำงาน แน่นอนว่าการลงลึกไปถึงกลไกปลายน้ำระดับล่าง ระดับย่อยอย่าง ร้านค้า ร้านอาหาร เป็นความท้าทาย ทางต้นน้ำจึงต้องเปลี่ยนแปลงและเริ่มต้นมาอย่างดีก่อนเพื่อส่งไม้ต่อ ทั้งด้านเทคโนโลยี ด้านข้อมูล ด้านการวิเคราะห์และการลงมือทำ เราค่อยๆเปลี่ยนแปลงกัน ค่อยๆปรับตัวเพื่อให้ไม่มีผู้ที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง” คุณฮานาโอกะกล่าว

อ้างอิง
www.Sustainableseafoodnow.com
seafoodlegacy.com/en
www.seafoodsource.com/news/environment-sustainability/seafood-legacy-ceo-wakao-hanaoka-on-how-japanese-companies-approach-sustainability