วันจันทร์, 13 ตุลาคม 2568

“สสารไม่มีวันหายไปจากโลก” ขยะที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ก็เช่นกัน

25 ก.ย. 2024
62
แพขยะมหาสมุทรแปซิฟิก

แพขยะใหญ่แปซิฟิก เมื่อขยะถูกพัดมากองรวมกันจนใหญ่กว่าประเทศไทย 3 เท่า

ถ้าใครเคยได้ดูภาพยนตร์ Under Paris อาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาเจ้ากองขยะในมหาสมุทรกันบ้าง แล้วถ้าหากกองขยะในมหาสมุทรมีการรวมตัวกันจนกลายเป็นขยะขนาดใหญ่อยู่ในมหาสมุทรจะเกิดอะไรขึ้น

เราอาจจะเคยได้ยินคำที่ว่า “สสารไม่มีวันหายไปจากโลก” ขยะที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ก็เช่นกัน เมื่อขยะถูกทิ้งลงสู่แม่น้ำลำคลองสุดท้ายก็ออกไปยังทะเลและมหาสมุทร มีการคาดการณ์ว่าในแต่ละปีขยะพลาสติกที่ไหลลงสู่มหาสมุทรมีปริมาณ 1.15 ถึง 2.41 ล้านตัน ซึ่งขยะเหล่านี้ครึ่งหนึ่งมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ ทำให้ตัวมันไม่จมลงเมื่อไหลลงสู่ทะเล และในมหาสมุทรมีกระแสน้ำหมุนวนที่เรียกว่า “Gyres” กระแสน้ำวนขนาดใหญ่จะดึงวัตถุต่าง ๆ ขยะ อุปกรณ์ตกปลา และเศษซากในทะเลมารวมกันทำให้เกิด #แพขยะ ขึ้น พบ Gyres ในมหาสมุทร 5 แห่ง ได้แก่ หนึ่งแห่งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย สองแห่งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก และสองแห่งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก

แพขยะมหาสมุทรแปซิฟิก (Great Pacific Garbage Patch: GPGP) เป็นแหล่งสะสมขยะพลาสติกนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดจากทั้งหมด 5 แห่งของมหาสมุทรทั่วโลก แพขยะนี้ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างฮาวายและแคลิฟอร์เนีย สำหรับขนาดของแพขยะนี้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1.6 ล้านตารางกิโลเมตรหรือมีขนาดใหญ่เป็น 3 เท่าของประเทศไทย

แพขยะมหาสมุทรแปซิฟิก

คาดว่ามวลของพลาสติกในแพขยะแปซิฟิกอยู่ที่ประมาณ 100,000 ตัน พลาสติกส่วนใหญ่ที่เก็บกู้ได้ทำจากโพลีเอทิลีน (PE) หรือโพลีโพรพิลีน (PP) มีขนาดตั้งแต่ชิ้นเล็ก ๆ ไปจนถึงวัตถุขนาดใหญ่และอวนจับปลา แม้พลาสติกส่วนใหญ่ที่พบจะมีขนาดมากกว่า 5 มิลลิเมตร แต่เมื่อพลาสติกสัมผัสกับ แสงแดด คลื่น สิ่งมีชีวิตในทะเล และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ จะเกิดการเสื่อมสลายได้เป็นไมโครพลาสติกลอยอยู่ที่ผิวน้ำ แต่ก็สามารถอยู่ใต้น้ำหรือลึกลงไปถึงพื้นมหาสมุทรได้อีกด้วยเมื่อพลาสติกมีขนาดเล็กลงเป็นไมโครพลาสติกจะกำจัดออกได้ยากและสัตว์ทะเลมักเข้าใจผิดว่าเป็นอาหาร

ถึงแม้แพขยะจะอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ที่มนุษย์อาศัยอยู่ แต่สามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิตในทะเล และมนุษย์ได้ ตัวอย่างผลกระทบของแพขยะได้แก่

สัตว์ทะเลอาจถูกจับและบาดเจ็บหรืออาจตายได้ในเศษซากบางประเภท เช่น อวนจับปลา สายรัดกระเป๋า ห่วงยาง หูหิ้วถุงพลาสติก ปลา นกทะเล และสัตว์ทะเลอื่น ๆ อาจกินพลาสติก โดยไม่ได้ตั้งใจและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของสัตว์ได้

สาหร่าย หอยทะเล ปู หรือสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ สามารถเกาะติดเศษซากขยะและถูกพัดพาข้ามมหาสมุทรไปได้ หากสิ่งมีชีวิตชนิดดังกล่าวรุกรานและสามารถตั้งรกรากและเติบโตในสภาพแวดล้อมใหม่ สิ่งมีชีวิตดังกล่าวอาจแย่งชิงหรือเข้ามาแทนที่สิ่งมีชีวิตพื้นเมืองจนมากเกินไปส่งผลให้ระบบนิเวศเสียหาย

มนุษย์สามารถได้รับสารเคมีในพลาสติกหรือไมโครพลาสติกจากกระบวนการที่เรียกว่าการสะสมทางชีวภาพ (bioaccumulation) เมื่อสัตว์ที่กินพลาสติกกลายเป็นเหยื่อจะส่งต่อพลาสติกไปยังผู้ล่าและผ่านห่วงโซ่อาหารซึ่งรวมถึงมนุษย์ด้วย

ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ พบว่าค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจต่อปีที่เกิดจากพลาสติกในทะเลอยู่ที่ประมาณ 6,000-19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเกิดจากผลกระทบต่อการท่องเที่ยว การประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการทำความสะอาดของรัฐบาล

ดังนั้นมาตรการในการจำกัดขยะและป้องกันการทิ้งพลาสติกลงสู่แม่น้ำน่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าการจัดการกับผลที่ตามมาเมื่อขยะได้ถูกปล่อยออกสู่ทะเลแล้ว

อ้างอิง
https://theoceancleanup.com/great-pacific-garbage-patch/