วันจันทร์, 13 ตุลาคม 2568

ปฏิวัติวงการอาหาร ด้วย “Solein” โปรตีนที่ไม่มีวันหมดสิ้น

นวัตกรรมการกำจัดคาร์บอน “ด้วยการกิน” ดูเหมือนว่าจะเข้าใกล้ชีวิตประจำวันเราขึ้นไปทุกที เพราะวันนี้เราสามารถเปลี่ยนอากาศให้กลายเป็นอาหารได้จริง ๆ แล้วกับ “ผงโปรตีนจากคาร์บอนไดออกไซด์”

ล่าสุด Solar Foods บริษัทผลิตอาหารสัญชาติฟินแลนด์ มีแนวคิดที่ต้องการผลิตอาหารด้วยการก้าวข้ามการเกษตรแบบดั้งเดิม โดยมองว่าในช่วงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มนุษย์เติบโตมาพร้อมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ พึ่งพาเกษตรกรรมที่ทันสมัยและพัฒนาก้าวข้ามขีดจำกัดของโลกเพื่อสร้างอนาคตที่มั่งคั่ง แต่วิวัฒนาการของการผลิตอาหารและพฤติกรรมการกินของมนุษย์เราในปัจจุบันกำลังสร้างผลกระทบต่อสถานการณ์ปัญหาโลกร้อน โดยพบว่า 

  • 30% ของการปล่อยมลพิษมาจากกระบวนการผลิตอาหาร
  • 40% ของพื้นที่บนโลก ถูกใช้เพื่อการผลิตปศุสัตว์
  • 70% ของการใช้น้ำจืดทั่วโลก เป็นไปเพื่อการทำเกษตรกรรม
  • ปริมาณปลาทั่วโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้เกิดการใช้กำลังเครื่องยนต์และเชื้อเพลิงมากขึ้น เพื่อออกไปยังทะเลไกลกว่าเดิม เพื่อให้สามารถจับปลาได้มากขึ้น

ด้วยเป้าหมายที่จะพาวงการผลิตอาหารสู่ยุคใหม่ Solar Foods ได้เปิดตัวโรงงาน Factory 01 ในเมืองวานตา ประเทศฟินแลนด์ เพื่อผลิตโปรตีนชนิดใหม่ ที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ GMO (จุลินทรีย์พืชและสัตว์) หรือใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ  โดยเลือกใช้คาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเป็นวัตถุดิบหลัก ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับจุลินทรีย์ขนาดเล็กที่พบในธรรมชาติหมักตามธรรมชาติผ่านกระบวนการไฮเปอร์ไดรฟ์ ใช้ไฟฟ้าเป็นตัวสร้างแคลอรีและให้อาหารจุลินทรีย์ด้วยคาร์บอนไดออกไซด์แทนยีสต์และน้ำตาล เมื่อหมักได้ที่ ก็เข้าสู่กระบวนการดูดความชื้นโดยที่ยังรักษาคุณค่าทางอาหารไว้อย่างครบถ้วน จนเกิดเป็นโปรตีนสีเหลืองโดดเด่น ที่ชื่อว่า “Solein” (โซลีน)

ทาง Solar Foods บอกว่า “ด้วย โซลีน เราสามารถรังสรรค์รสชาติให้เหมือนอะไรก็ได้ตามที่เราต้องการ รวมถึงได้คุณค่าทางโภชนาการของเซลล์โปรตีนคล้ายคลึงกับถั่วเหลืองหรือสาหร่ายทะเล อันประกอบไปด้วย โปรตีน 65-70 % , ไฟเบอร์ 10-15 % , แร่ธาตุ  3-5 % และกรดอะมิโนจำเป็นทั้ง 9 ชนิดที่ร่างกายมนุษย์ต้องการ ทำให้โซลีนสามารถทดแทนโปรตีนในอาหารได้หลากหลายชนิด เรียกได้ว่าเป็นโปรตีนที่มีความอเนกประสงค์และยั่งยืน”

การก่อเกิดของโซลีน ถือเป็นหนึ่งในแนวทางการพัฒนาโซลูชันแห่งวงการอาหารแห่งอนาคต ส่งเสริมการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ โดยไม่กระทบต่อรสชาติหรือคุณค่าทางโภชนาการ เป็นนวัตกรรมอาหารทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งลดปริมาณการใช้ทรัพยากร เวลาและพื้นที่ในการผลิต ในขณะที่ยังสามารถช่วยเพิ่มปริมาณอาหารสำหรับประชากรที่เพิ่มขึ้นได้อย่างยั่งยืน

ในปัจจุบัน หน่วยงานอาหารของสิงคโปร์ (SFA) ได้อนุมัติการนำเข้า ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่มีโซลีนเป็นส่วนผสม ทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศเเรก ที่ได้ทดลองใช้โซลีนในเมนูของร้านอาหาร เริ่มต้นที่เมนูเสฉวนระดับโลก “Chengdu Bowl” โดยผสมลงในเมนู Mapo Tofu (เต้าหู้มาโผ) และ Sour and Spicy Soup (ซุปเปรี้ยวเผ็ดสูตรเฉพาะของร้าน) ปรุงรสชาติเข้มข้นคงเนื้อสัมผัสแบบดั้งเดิม จนเกิดเป็นอาหารรสชาติอร่อยที่คุ้นเคยแต่เต็มไปด้วยทัศนคติใหม่ ๆ ของสิงคโปร์ เพราะด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมและอาหารของที่นี่ การเลือกใช้วัตุดิบใหม่หรือคิดค้นเมนูอาหารใหม่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเมืองที่มีความหลากหลายด้านจิตวิญญาณผู้บุกเบิก ที่สิงคโปร์กำลังก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำการปฏิวัติระบบอาหารที่ยั่งยืน แต่นี่ไม่ใช่เพียงแค่ก้าวสำคัญของสิงคโปร์เท่านั้น แต่ยังถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญของคนทั้งโลกด้วย

โซลีนปลดล็อกโลกแห่งความหลากหลายของอาหารรูปแบบใหม่ ผสมผสานความรู้ด้านธรรมชาติและวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตแห่งอาหารแสนอร่อยที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ จากแหล่งอาหารที่ไม่สิ้นสุดของโลกของเรา และยังช่วยเพิ่มตัวเลือกให้ผู้บริโภคสำหรับแหล่งโปรตีนที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงอีกด้วย ถึงเวลาที่จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการผลิตอาหาร เพื่อปลดปล่อยโลกจากภาระของภาคเกษตรกรรม สร้างอนาคตแห่งอาหารแสนอร่อยที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่น่าลิ้มลอง

โปรตีนอากาศ เป็นส่วนผสมที่มีประโยชน์หลากหลาย ซึ่งประกอบด้วย 

  • โปรตีน 65-70 %
  • ไฟเบอร์ 10-15 %
  • แร่ธาตุ  3-5 %
  • กรดอะมิโนจำเป็นทั้ง 9 ชนิดที่ร่างกายมนุษย์ต้องการ

ในศตวรรษที่ผ่านมา การใช้น้ำเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าของอัตราการเติบโตของประชากรโลก โดยเฉลี่ยแล้ว ภาคเกษตรกรรมใช้น้ำจืดทั่วโลกถึง 70% การผลิตโซลีนช่วยลดภาระดังกล่าว โดยใช้น้ำเพียงเศษเสี้ยวของปริมาณที่จำเป็นสำหรับการผลิตอาหารทางการเกษตร
(*เทียบเท่าปริมาณน้ำที่ใช้ในการผลิตโปรตีน 1 กิโลกรัม)

ปศุสัตว์เป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นผู้ใช้ทรัพยากรที่ดินรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยพื้นที่เลี้ยงสัตว์และพื้นที่เพาะปลูกที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์คิดเป็นเกือบ 80% ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมด ซึ่งเป็นพื้นที่ของแหล่งอยู่อาศัยถึง 40% และยังคงไม่ครอบคลุมกับความต้องการบริโภคของมนุษย์
(*เทียบเท่าขนาดพื้นที่ที่ใช้ในการผลิตโปรตีน 1 กิโลกรัม)

อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของวัว คิดเป็น 45 กิโลกรัมต่อโปรตีน 1 กิโลกรัม ซึ่งคิดเป็น 14.5% ของก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากมนุษย์ทั้งหมด พืชมีประสิทธิภาพมากกว่าสัตว์ แต่โซลีนมีประสิทธิภาพเหนือกว่าทั้งสองอย่าง
(*เทียบเท่าปริมาณกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าจากการผลิตโปรตีน 1 กิโลกรัม)

อ้างอิง
https://solarfoods.com
https://www.solein.com/blog/solein-shakes-up-sichuan-chengdu-bowl-reimagines-mapo-tofu-in-singapore